Contemporary Fine Art photography
ภาพถ่ายศิลปะร่วมสมัย
การถ่ายภาพ
ภาพถ่ายเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1827 ทีประเทศฝรั่งเศสในช่วงแรกๆยังไม่ได้การยอมรับว่าเป็นศิลปะ การถ่ายภาพแปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Photography มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คือคำว่า Phos หมายถึง Light ที่หมายความถึง แสง และคำว่า Graphein หมายถึง writing การเขียน ดังนั้น Photography (การถ่ายภาพ) จึงหมายความว่า writing with light ซึ่งก็หมายความถึงการเขียนด้วยแสงหรือ การทำให้เกิดภาพด้วยแสง (สุภาณี,สุมิตรา,2532)
ในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คำ จำกัดความว่า การถ่ายภาพ ว่า การถ่ายรูป คือบันทึกภาพโดยวิธีให้แสงจากสิ่งที่จะถ่ายไปลงบนแผ่นวัสดุใสเช่นฟิล์ม กระจกถ่ายรูป, ชักรูป ส่วนในพจนานุกรมแปล ไทย-ไทยของ อ.เปลื้อง ณ นครให้ความหมายการถ่ายรูปว่า ก. ถอดรูป, จำลองรูปด้วยวิธีฉายเงาบนกระจกหรือฟิล์ม ในส่วนของภาพถ่าย
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๕๘ ให้คำ จำกัดความภาพถ่าย ว่า คือ รูปถ่าย อันได้แก่ ภาพที่บันทึกไว้ด้วยวิธีให้แสงผ่านฟิล์มรูปเป็นต้นลงบนแผ่นวัสดุไวแสง เช่น กระดาษอัดรูป แล้วนำไปล้างตามกรรมวิธีเพื่อให้รูปปรากฏ
ความร่วมสมัย
ความร่วมสมัยเป็นคำที่ใช้ เรียกศิลปะ ที่เกิดขึ้นในกลางทศวรรษที่ 50-60 เพื่อให้แยกออกจากศิลปะสมัยใหม่ (Modern Art) (สุธี 2548) โดยเรียกศิลปะในช่วงเวลาดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบันว่าศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Art)
Contemporary Fine Art Photography
ที่มาของ ภาพถ่ายศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Fine Art Photography)
ภาพถ่ายศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Fine Art Photography) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 60 มีการพัฒนารูปแบบ เฉพาะของงานศิลปะภาพถ่ายอย่างต่อเนื่องจาก กลุ่มF 64และ การถ่ายภาพแบบตรงไปตรงมา (Straight Photography) ในช่วงทศวรรษที่ 40 ประกอบการเกิด ขึ้นฟิลม์สีและการอัดขยายภาพสีที่ใช้งาน ได้สะดวกทำให้ศิลปินที่ใช้ภาพถ่ายเริ่มสร้างสรรค์ผลงานโดยใช้ภาพสี
การแสดงภาพถ่ายสี เกี่ยวกับ การเดินทางในภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ของ William Egglestion ที่ พิพิฑภัณธ์ศิลปะสมัยใหม่(MOMA) ที่นิวยอร์ค ในปี1970 เป็นการจุดประกายและเกิดการโต้เถียงกัน อย่างกว้างขวางถึงรูปแบบของภาพถ่ายสีและเรื่องราวร่วมสมัยที่ Egglestionได้นำเสนอในงานนิทรรศการ
ในปี 1972 Stephen Shore ได้ใช้ภาพสีเสนอเรื่องราวของภาคตะวันตกของอเมริกา อีกครั้งและจัดแสดงในพิพิฑภัณธ์ ศิลปะสมัยใหม่(MOMA)อีกครั้ง โดยมีการแสดงภาพถ่ายสีของสิ่งของทั่วไป สภาพแวดล้อมรอบๆตัวและของใช้ในชีวิตประจำวันจำนวน 220 ภาพ
ในยุโรป Bernd & Hillar Becher ได้บันทึกภาพขาวดำของสถาปัตยกรรม ของอาคารและสิ่งก่อสร้างในยุคอุตสาหกรรมของเยอรมัน ในระหว่างปี 1960-70 จัดแสดงในลักษณะ เรียงเท่ากันทุกภาพในกรอบเดียวกัน มีลักษณะคล้ายการเก็บบันทึกข้อมูลของนักสำรวจในยุคก่อน พวดเขาสร้างภาษาใหม่ให้กับการถ่ายภาพโดยย้อนกลับไปถึงที่มาของภาพถ่าย ที่เชื่อมโยงระหว่าง ภาพและความคิด กับประวัติศาสตร์และชีวิตประจำวัน (Charlotte 2004) ภาพถ่ายของ Brend&Hillar ทำหน้าที่ 2 ประการ ได้แก่การนำเสนอสิ่งที่อยู่ในภาพซึ่งไร้ซึ่งอารมณ์ เป็นการบันทึกภาพในลักษณะของการ เก็บข้อมูล (Documenting) ทางเอกสารของโครงสร้างทางประวัติศาสตร์ และการนำเสนอความเรียบง่าย ความเป็นระบบระเบียบที่ปรากฏในสถาปัตยกรรม ซึ่งผลงานชุดนี้ เป็นการนำแนวคิดพื้นฐาน ของความเป็นภาพถ่าย ที่มุ่งนำเสนอแนวคิดของตัวภาพถ่าย หน้าที่ และหลักการทางสุนทรีย์ใน ภาพถ่ายเองเป็นสำคัญ
ภาพถ่ายศิลปะร่วมสมัย (Contemporary Fine Art Photography)
เป็น รูปแบบของการสร้างศิลปะ ในรูปแบบ ร่วมสมัยปัจจุบัน ซึ่งเมื่อเทียบกับสื่อศิลปะอื่น นั้น ภาพถ่ายเป็นสื่อศิลปะที่มีอายุน้อยมาก เพียงราวสองร้อยปี แต่ก็เป็นสื่อที่มีการใช้งานอย่างแพร่หลาย(Naomi 1984) มีการใช้ภาพถ่ายสร้างผลงานอย่างต่อเนื่องในหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะการที่ภาพถ่ายกลายเป็น องค์ประกอบหลัก ของสร้างผลงาน มากกว่าที่เป็นเพี่ยงส่วนประกอบ ของงานสื่อผสม
การศึกษาเกี่ยวกับการสร้างสรรค์ ภาพถ่ายศิลปะ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในดินแดนที่ไม่ได้เป็นเจ้าขององค์ความรู้อย่างในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะ เป็นสื่อที่ศิลปินเริ่มต้นไม่ต่างจากตะวันตกนานเท่าไรนัก สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว และเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ทั้งในทางเทคนิคและองค์ความรู้ นอกจากนี้ ภาพถ่ายยังเป็นสื่อที่ตรงไปตรงมาและสะท้อนสังคมวัฒนธรรมร่วมสมัยของภูมิภาคได้ จากการศึกษาและวิเคราะห์ผลงานภาพถ่ายศิลปะเหล่านั้น
ภาพถ่ายศิลปะร่วมสมัย เป็นการนิยามภาพถ่ายที่ถูกใช้ในงานศิลปะ หรือเป็นสื่อที่ศิลปิน ใช้ในการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะเป็นหลัก (Charlotte 2004) โดยทั่วไปสามารถแบ่งได้ตามประเภทของการถ่ายภาพ โดยมี
1. ภาพถ่ายบุคคล
2. ภาพถ่ายทิวทัศน์
3. ภาพถ่ายหุ่นนิ่ง
4. ภาพถ่ายสถาปัตยกรรม
5. ภาพถ่ายสารคดี
โดยการแบ่งในลักษณะนี้ก่อให้เกิดปัญหา เพราะผลงานศิลปะ หลายงานมีลักษณะของรูปแบบที่ซ้ำซ้อนกัน Charlotte Scott ได้จัดกลุ่มของภาพถ่ายศิลปะในหนังสือ The Contemporary Photography as Art จากเนื้อหาและหลักการทางสุนทรียภาพที่ ปรากฏในตัวผลงาน โดยแบ่งออกเป็น
1. Conceptual Photography
เป็นภาพที่เกิดจากการทำงานในรูปแบบของCoceptual Art ที่ภาพถ่ายเข้าไปเป็นส่วนประกอบหรือเป็นส่วนในการบันทึก กิจกรรมทางศิลปะเหล่านั้น
2. การประกอบสร้าง(Stage Photography)
ภาพถ่ายในรูปแบบของการสร้างวิธีการ ในการเล่าเรื่อง (Narrative Form) โดยมีลักษณะของการประกอบสร้าง การจัดฉาก ในรูปแบบต่างๆที่มีลักษณะราวกับ เป็นเหตุการที่เกิดขึ้นจริง หรือสร้างสภาวะที่คลุมเคลือระหว่างความจริงกับการสร้างภาพ
3. ภาพถ่ายที่ไร้อารมรณ์ (Dead Pan)
นำเสนอโดยใช้สิ่งที่อยู่ในภาพเป็นตัวสร้างความหมาย หรือรูปแบบการเล่าเรื่อง(Narrative Form) ด้วยตัวเอง อันเป็นแนวทาสุนทรีย ของภาพถ่ายร่วมสมัย ที่ใช้ สิ่งที่ปรากฏในภาพ ตามสภาวะที่เป็น ไม่มีการสร้างอารมณ์ ในภาพ เพิ่มเติมด้วยเทคนิคและวิธีการทางการถ่ายภาพ มีลักษณะที่ไร้อารมณ์ ภาพถ่ายเป็นเพียงสื่อ แต่สาระสำคัญจะอยู่ในภาพ
4. ภาพของสิ่งของ และ ชีวิตสัมพันธ์ Daliy Life and Object
เป็นการใช้สิ่งของใกล้ตัวในชีวิตประจำวัน สภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ นำมาเล่าเรื่อง ในรูปแบบของหุ่นนิ่ง Landscape cityscape เป็นการใช้ส่วนย่อยๆเพื่ออธิบายภาพใหญ่ ของสภาวะ สังคมร่วมสมัย
5. ชีวิตส่วนตัว(Intimate Life)
เป็นการใช้ภาพถ่ายเล่าเรื่องชีวิต ส่วนตัวของตัวศิลปินเอง โดยเริ่มต้นจากการ นำเสนอ ภาพของสังคมปิดของ Homosexual ในนิวยอร์คช่วงกลางทศวรรษที่ 80 โดยภาพจะ นำรูปแบบของการ Snap shot ภาพอัลบัมครอบครัว และการอัดรูปจากเครื่องอัดรูปอัตโนมัติ เป็นรูปแบบที่ได้กลายมาเป็นการ นำเรื่องที่ควรปกปิดส่วนตัวมาเปิดเผยในที่สาธารณะ(Public and Private)
6. สารคดีและข่าว (Documentary and Journalist)
เป็นภาพที่ได้อิทธิพลจากการนำเสนอ ภาพข่าวในสื่อต่างๆ เป็นการนำรูปแบบของ การถ่ายทอดความจริง จากสื่อ สารมวลชนมาสู่พื้นที่เฉพาะใน แกลลอรี่ในฐานะงานศิลปะ มีการสร้างภาพขนาดใหญ่ราวกับภาพเขียนในยุคศ.ที่17 เพิ่อสะท้อนวิธีชีวิตและเหตุการที่เกิดขึ้นรอบตัว
7. การกลับไปหาที่มาและตรวจสอบตัวเอ (Revice and revisit)
เป็นการย้อนกลับไปเพื่อพิจารณาสภาพแวดล้อม รอบตัวและที่มาของตัวศิลปินผ่านภาพถ่าย ในรูปแบบของ การ Reproduce/Roll Play และการตั้งคำถามถึงอิทธิพลของความเป็นสากล ที่มีผลต่อแต่ละพื้นที่ของศิลปิน และรวมไปถึงการเชื่อต่อของศิลปินโลก (Globalization)
8. ดิจิทัลกับเรื่องราวใหม่จากการประกอบสร้าง (Digital and manipulation narrative)
8. ดิจิทัลกับเรื่องราวใหม่จากการประกอบสร้าง (Digital and manipulation narrative)
เป็นการนำ เทคโนโลยีการตัดต่อ และตกแต่ภาพมาสร้างงานภาพถ่ายโดยสร้างเรื่องราวสะท้อน สภาวะที่ปรับเปลี่ยนของศิลปินที่มีต่อสื่อใหม่ และเป็นการตั้งคำถามต่อตัวสื่อ เองเมื่อความจริงในภาพถ่ายเริ่มถูกตั้งคำถาม
อ้างอิง
สุภาณี กอสุวรรณศิร,สุมิตรา ขันตยาลงกต, 2532, “จากอดีต...ถึงปัจจุบัน การถ่ายภาพ”, บริษัทสารมวลชน,กรุงเทพ
สุธี คุณาวิชยานนท์ 2544,”จากสยามเก่าสู่ไทยใหม่” หอศิลป์มหาวิทยาลัยศิลปกร, กรุงเทพ
ราชบัณฑิตยสถาน, 2530,”ศัพท์บัญญัติวิชาการถ่ายภาพ” ฉบับราชบัณฑิตยสถาน,โรงพิมพ์คุรุสภา ลาดพร้าว,กรุงเทพ
บริษัทโกดัก(ประเทศไทย)1982, "ความสุขกับการถ่ายภาพ";ไดนิปปองการพิมพ์,ประเทศญี่ปุ่น,
Charllot Cotton, 2004 “ The Photography as contemporary Art” :Thames&Hudson, London,UK.
Naomi Rosenblum,1984 “A World History of Photography”, Revised Edition, Abbeville Press ,New York , USA,
Zhuang Wubin 2015 “Photography in Southeast Asia A Survey” : NUS Press, Singapores
การสืบค้นทาง Internet
http://hdl.handle.net/2027/spo.7977573.0003.207 (สืบค้น กุมภาพันธ์ 2561)
https://lasalle-sg.academia.edu/ClareVeal (สืบค้น กุมภาพันธ์ 2561)
https://quod.lib.umich.edu/t/tap/7977573.0001.202/--politics-and-identity-contemporary-photography-in-thailand?rgn=main;view=fulltext (สืบค้น กุมภาพันธ์ 2561