วันพุธที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

The cinematography to film still

The cinematography to film still
Eadweard J. Muybridge ช่างภาพ นักประดิษฐ์ ชาวอังกฤษ ได้รับการว่าจ้างจาก ผู้ว่าการรัฐแคลลิฟอร์เนีย ให้บันทึกภาพการวิ่งของม้า เนื่องจากมีการพนันกันว่า ม้าในขณะที่วิ่งนั้น เท้าทั้งสี่ ข้างลอยพ้นจากพื้นทั้งหมดหรือไม่
เขาจึงได้ทำการบันทึกภาพ ม้าวิ่งโดยใช้กล้อง วางไว้ที่พื้นพร้อมกับสายลั่นชัตเตอร์เมื้อม้าวิ่งผ่าน ขาจะแตะสายลั่นชัตเตอร์และกล้องจะบันทึกภาพ เขาตั้งกล้องจำนวน  24 ตัว

                 
แล้วนำไปฉายโดยใช้เคริื่องฉาย Zoopraxiscope
โดยผลที่ได้ก็พบว่าม้าวิ่งเต็มที่จะมีจังหวะที่สูงสุดเท้าทั้งสี่ข้างจะลอยจากพื้นพร้อมกัน

ซึ่งต่อจากนั้นเขาได้ทำการถ่ายภาพการเคลื่อนไหวของมนุนษย์,สัตว์ ต่างๆไว้มากมาย โดยใช้พื้นฐานการ บันทึกภาพที่ได้จากการบันทึกภาพม้าวิ่ง



โดยภาพจะถูกนำมาใช้เพื่อศึกษาการเคลื่อนไหวของมนุษย์และสัตว์เขาได้บันทึกภาพเหล่านี้มากกว่า 100,000ภาพและเป็นแรงบันดาลใจให้กับการพัฒนาภาพยนตร์และฟิลม์ม้วนในเวลาต่อมา 

วันอาทิตย์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Pictorialism "personal artistic expression"


Henry peach Robinson ได้เขียนหนังสือชื่อ Pictorial Effect in Photography กลายเป็นมาตรฐานให้กับแนวทางการถ่ายภาพ ตลอดศษตวรรษที่ 19 ทำให้ภาพแนว Pictorial ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในฐานะงานศิลปะภาพถ่ายเช่นกัน
โดยเริ่มมีการสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่องและเป็นกระแสหลัก ในประมาณ ปี1885 โดยมีผลมาจากความแพร่หลายของ ระบบ Dry plateเป็นแนวคิดที่ได้รับความนิยมในช่วงปลาย ศตวรรษที่ 19 จนถึงต้น ศตวรรษที่ 20 ก่อนที่จะเข้าสู่ยุค สมัยใหม่

มีแนวคิดที่ต้องการสร้างสรรค์งานให้มีลักษณะใกล้เคียง กับภาพเขียนโดยมีเหตุที่ว่าการถ่ายภาพในสมัยนั้นไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นการสร้างสรรค์งานศิลปะ โดยมีลักษณะเด่น ในทางเทคนิคคือ
•ขาว ดำ หรือ sepia tone
•Solf focus
•เพื่อลดความคมชัดช่างภาพ ใช้เข็ม ขูดไปบนกระดาษ ก่อนการพิมพ์ภาพ
•มีลักษณะ และสัมพันธ์กับงาน Impressionism
•ได้รับความนิยมแพร่หลายใน สหราชอาณาจักร และยุโรบ จนถึงสหรัฐอเมริกา
ภาพที่ถ่ายส่วนมากจะเป็นภาพทิวทัศน์, บุคคล มากกว่าจะเป็นภาพของเมืองหรือสิ่งของ





           

        

วันอังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

Julia Margaret Cameron


Julia Margaret Cameron (11 June 1815 – 26 January 1879)
         เป็นช่างภาพสตรีชาวอังกฤษ ที่เริ่มถ่ายถาพในวัยกลางคนหลังจากที่หมดภาระกับลูกๆที่เติบโตจนหมด เธอเริ่มเรียนรู้การถ่ายภาพเมื่ออายุได้ 48 ปี เมื่อได้รับกล้องถ่ายภาพเป็นของขวัญ จากลูกสาว  โดยเรียนรู้กับช่างภาพที่มีชือเสียงในสมาคมถ่ายภาพของอังกฤษ และในที่สุดก็นเป็นสมาชิกของสมาคมนั้น
งานของ เธอมีความโดดเด่นในเรื่องการสร้างเรื่องราวของภาพ บุคคล ในลักษณะของงานปราณีตศิลป์ ในจดหมายที่เขียนถึง เซอร์ จอนท์ เฮเชอร์  ว่าการที่ภาพถ่ายจะเป็นงานศิลปะนั้นต้องเป็นการผสมผสานกันระหว่าง ความจริง ความคิดและ บูชาความไม่มีแก่นสารของสัจจะ ด้วยความงามและบทกวี  ภาพส่วนมากของเธอเป็นภาพบุคคล ของเพื่อน และเพื่อนขอเพื่อนโดยเฉพาะบุคคลที่สำคัญในยุดวิทอเรียน ไม่ว่าจะเป็น ชาล ดาวินท์ อัลเฟรด เทเนสสัน  การถ่ายภาพของเธอนำเสนอ ลักษณะทีเด่นชัดของบุคคลที่เธอถ่ายภาพ เช่นภาพของ เซอร์ จอนท์ เฮเชอร์ (John Herschel) นักวิทยาศาสตร์ผู้มีชื่อเสีียงในสมัยนั้น  ที่เธอบันทึกภาพ ใบหน้าที่มีผมชี้ยุ่งเยิงของ นักวิทยาศาสตร์ผู้ที่มีความคิดก้าวหน้าและมีพลังในการคิดเสมอ  เธอกล่าวในหนังสือชีวประวัติของตัวเองว่า เวลาที่เธอถ่ายภาพ เธอพยายามเป็นอย่างมากที่จะ ถ่ายถอดสิ่งที่บุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้ากล้องของเธอ คิด,เป็นและเชื่่อ ในสิ่งที่เขาเหล่านั้นทำอยู่


ลักษณะผลงานของ คาเมรอนมักจะสร้างจากแรงบันดาลใจที่ได้รับจาก  คัมภีร์ไบเบิล,เทพนิยากรีก,ภาพเขียนในยุคเรเนซองห์  รวมไปถึงเรื่องราวพื้นบ้านและวรรณกรรมของอังกฤษ ดังเช่นเธอได้สร้างภาพของ Marry Hilier พนักงานเสริพ เป็นพระแม่มารี โดยอาศัยการจัดแสงและเสื่อผ้าพร้อมกับหลังฉากหลังอย่างตั้งใจ
                  เหมือนกับช่างภาพสตรีร่วมสมัยเธอมักจะถ่ายภาพผู้หญิงเป็นหลักเพราะว่าในเวลานั้นผู้หญิงมักจะไม่ที่รู้จักของสาธารณะชนส่วนมากถ้าไม่ใช้นักแสดง ซึ่งจะต่างจากผู้ชายที่หลายๆคนที่เธอรู้จักเป็นคนที่มีชื่อเสียง ทำให้ง่ายต่อการเปลี่ยนหญิงธรรมดาเหล่านั้นให้กลายเป็น เทพธิดา หรือนางไม้

 


  
บ่อยครั้งที่เธอเลือกที่จะสร้างภาพจากช่วงเวลาที่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของเนื้อเรื่องที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีของผู้ชม ดังเช่นภาพของ โอฟิเลีย ซึ่งเป็นตัวละครในวรรณกรรมกรีกที่ผู้ชมรู้จักเป็นอย่างดี
เธอมักจะใช้รูปแบบของการแต่กายของผู้หญิงในยุคกลางของยุโรปที่มักจะปรากฏในงานภาพเขียนของศิลปิน พรีราฟาเอล (Pre-Raphaelite Brotherhood) และมีหลายภาพที่คลายกับงานของ ดันเต้ กาเบรีย โรเซตติ[1](Dante Gabriel Rossetti)
ภาพที่ดูนุ่มนวลและเบลอเป็นผลมาจากการที่เธอใช้ช่วงโฟกัสผิดพลาดในการบันทึกภาพทำให้มีเพียงบางส่วนของบุคคลในภาพมีความคมชัดรวมไปถึงการใช่เลนส์ที่คุณภาพไม่ดีนัก ทำให้ภาพนุ่มนวล  สิ่งนี้ได้กลายเป็นลักษณะเด่นของภาพถ่ายของเธอ  โดยทีไม่สนใจกับการวิจารณ์ในเรื่องความไม่คมชัดของภาพเอได้สร้างสรรค์งานในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลายเ็นผลดีกับรูปแบบของผลงานที่มักจะนำแบบหญิงสาวมาแสดงท่าทางเป็นตัวละครต่างๆ ที่แสดงออกจากจิตนาการ บางก็ชวนฝัน บางก็ชวนให้คิดต่อในการสร้างบรรยากาศหมอกมัว บางก็ดูลีกลับ เช่นภาพของนางไม้

                  ต่างจากช่างภาพหญิงในยุคเดียวกันเธอจัดแสดงผลงานและพยายามที่ขายผลงานของเธอ โดยใช้นักขายงานศิลปะที่มีชื่อเสียงในกรุงลอนดอนแต่ก็ยังไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนักเพราะเธอถูกมอง ว่าทำงานของผู้หญิงที่เคร่งศาสนา ที่ไม่สามารถถ่ายภาพให้คมชัดได้
                  อย่างไรก็ตามผลงานของ คาเมรอนก็ถือว่าเป็นการบุกเบิกการสร้างภาพโดยอาศัยการจัดวางท่าทาง สร้างบรรยากาศและอารมณ์ในภาพด้วย แสง การโฟกัส  และจิตนาการ ของผู้สร้างสรรค์ นอกจากนี้ยังเป็นงานที่เปิดโอกาศให้ผู้ชมได้จิตนาการหรือตีความภาพของเธอตามเนื้อหาเรื่องราวของตัวละครในเรื่องที่เธอหยิบออกมาสร้างเป็นภาพถ่าย มากกว่าในฐานะเครื่องระบุตัวตน ในสมัยของเธอ


[1] ศิลปิน ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่ม Pre-Raphaelite Brotherhood  ชอบวาดภาพจากเรื่องราวของเทพนิยาย